|
การลืมของบนรถเมล์
เรื่องของการลืมของเอาไว้บนรถเมล์หรือรถแท็กซี่ ดูจะเป็นเรื่องธรรมดา และเกิดขึ้นให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง และเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ที่เมือง
ไทยหากเราลืมของไว้บนรถแท็กซี่ เราอาจใช้บริการของ จส.100 เพื่อติดตามเอาของกลับมา บ้างก็ได้คืน บ้างก็หายไปเลย แต่ถ้าเป็นรถเมล์บ้านเราถ้า
ลืมของไว้ โอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะได้คืนถ้าไม่ใช่ว่ากระเป๋ารถเมล์เก็บได้ซะก่อน แต่การตจะติดตามของ ๆ เราที่ลืมไว้บนรถประจำทางได้นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ยากลำบากมากเลยเรื่องของการลืมของเอาไว้บนรถเมล์หรือรถแท็กซี่ ดูจะเป็นเรื่องธรรมดา และเกิดขึ้นให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง และเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ที่เมือง
ไทยหากเราลืมของไว้บนรถแท็กซี่ เราอาจใช้บริการของ จส.100 เพื่อติดตามเอาของกลับมา บ้างก็ได้คืน บ้างก็หายไปเลย แต่ถ้าเป็นรถเมล์บ้านเราถ้า
ลืมของไว้ โอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะได้คืนถ้าไม่ใช่ว่ากระเป๋ารถเมล์เก็บได้ซะก่อน แต่การตจะติดตามของ ๆ เราที่ลืมไว้บนรถประจำทางได้นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ยากลำบากมากเลย
|
Case study ฉบับนี้ผมจะเล่าเรื่องเพื่อนของผมคนหนึ่งซึ่งเขาลืมกระเป๋าเอาไว้บนรถ Bus ที่ Sydney เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ เมื่อเพื่อนของผมกับผม
นั่งรถจะไปทำงาน เมื่อขึ้นรถผมใช้ตั๋ว brown Travel Ten ตอกให้เพื่อนและตัวผมเอง เราเดินไปนั่งตรงขวามือของตัวรถซึ่งตรงข้ามกับคนขับ และตรงกับ
ประตูทางออกพอดี
เนื่องจากของที่มีจำนวนมาก เพื่อนของผมเลยเอากระเป๋าวางไว้ตรงพื้นรถใกล้กับขาของเธอ เราคุยกันตลอดทาง จนรถแล่นไปถึงที่หมายที่เราต้องลง ด้วยความรีบ
เราทั้งคู่ออกจากรถโดยไม่ได้เช็คของเหมือนทุกที เราเดินต่อไปจนเกือบถึงร้าน เธอร้องถามขึ้นว่า "เห็นกระเป๋าเขาปะ"ผมตอบกลับไปว่า "ไม่เห็น"
หลังจากนั้นเรางง นิ่ง ทำอะไรไม่ถุกอยู่สักพัก จนในที่สุดผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปเบอร์ 131 500 จากการบอกของเพื่อนผม คนรับสายพูดภาษาอังกฤษ
ถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ผมเลยบอกไปว่าผมลืมกระเป๋าไว้บนรถเขาก็ถามว่ารถสายอะไร พอผมบอกไป แล้วเขาก็ให้เบอร์โทรให้โทรไปหาศูนย์ของรถสายนี้
เมื่อโทรไปหาศูนย์เขาก็ถามรายละเอียดว่าขึ้นสายอะไร เบอร์รถอะไร เวลาประมาณเท่าไหร่ ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะอยู่ที่ตั๋วรถทั้งหมด ฉะนั้นเวลาขึ้นรถเก็บตัวดี ๆ
นะครับ แล้วจากนั้นเขาก็ถามว่าผมว่าลืมไว้จุดใด แล้วเค้าก็ถามเบอร์โทรของผมเพื่อโทรกลับ
ผมและเพื่อนเฝ้ารอให้เขาโทรกลับมาด้วใจที่กังวล จนในที่สุดเขาโทรกลับมาว่าไม่เจอ เขาโทรติดต่อกับคนขับและคนขับหาจนทั่วแต่ไม่เจอ เขาโทรติดต่อกับคนขับ
และคนขับหาจนทั่วแต่ก็ไม่เจอ แม้จะเสียใจที่ของหาย แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าระบบของที่นี่เราสามารถตามหาหรือติดต่อติดตามของ ๆ เราได้ อย่างน้อยก็มีโอกาสหาเจอ
มากกว่าที่เมืองไทย
ยังไงก็ถือเป็น Case study ให้เพื่อน ๆ ละกัน แต่ทางที่ดีควรตรวจสอบสัมภาระก่อนลงรถจะดีมาก นะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร Siamoz หรือดูข้อมูลเพิ่มที่ http://www.siamoz.com